วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ความคิดสร้างสรรค์วันลอยกระทง
1.นำขนมปังให้ปลากิน
2.เอารกะลามาทำกระทงและใส่ดอกไม้ปเทียน
3.ตบแต่งดอกไม้
4.เอาดอกบัวมาทำกระทง
5.เอาเศษขนมปังมาทำกระทง
6.ทำกระทงขึ้นมาเอง
7.เล่นพุใหถูก
8.ตบแต่งกระทง
9.ช่วนครอบครับไปลอยกระทง
10.ไม่ทิ้งขยะลงนํา
11.นำเศษของจากธรรมชาติมาทำ
12.ช่วยกันคิดวิธี ทำกระทง
13.แต่งใหถูก
14ให้อาหารปลา
15.ปลอยปลา
สิ่งที่จะทำในวันลอยกระทง
1.พูดจาใหเดีมากขึ้น
2.แต่งตัวให้ดี
3.ทำกระทงเอง
4.พาพ่อแม่ไปเที่ยว
5.ให้อาหารปลา
6.ไม่ควรเล่นพุ
7.เชื่อฟังพ่อแม่
8.ไม่เที่ยวกลางคืน
9.ไม่ตีกัน
10.ทำกระทงขึ้นมาเอง
11.รำวงวันลอยกระทง

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ประเพณีวันลอยกระทง




ประเพณีลอยกระทง ตรงกับวันเพ็ญ (วันขึ้น 15 ค่ำ) เดือน 12 (ตามปฏิทินทางจันทรคติ) ประมาณเดือนพฤศจิกายน ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อแม่พระคงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ในอดีต ชาวเมืองตากจะมีถิ่นอาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำปิง วิถีชีวิตของชาวตากจึงมีความผูกพันกับสายน้ำที่เปรียบเสมือนสายโลหิตที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองตากมานานหลายชั่วอายุคน จากความกตัญญูรู้คุณต่อสายน้ำ ก่อให้เกิดประเพณีที่แสดงออกถึงความกตัญญู ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองชาวเมืองตากได้จัดให้มีการลอยกระทงขึ้น ประเพณีลอยกระทงสาย ไหลประทีปพันดวง เกิดจากการร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในหมู่บ้านในการดำเนินกิจกรรม อันเป็นความเชื่อในการจัดทำกระทงนำไปลอย เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังเป็นการลอยทุกข์โศกโรคภัยให้พ้นไปจากตนเอง และขอขมาที่ได้อาศัยแม่น้ำและทิ้งของเสีย ถ่ายเทสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำปิง โดยใช้โอกาสนี้ในการพบปะพูดคุย จัดกิจกรรมรื่นเริงภายในหมู่บ้านอีกด้วย เมื่อถึงวันเพ็ญเดือนสิบสอง ชาวเมืองตากทุกครัวเรือนจะนำด้ายดิบ (ด้ายที่ปั่นมาจากฝ้าย) มาฟั้น ด้วยแต่ละเส้น จะประกอบด้วยด้ายเส้นเล็กๆ จำนวน 9 เส้น จากนั้นจะนำด้านที่ฟั้นเสร็จแล้วมาวัดตามความยาวของแขนที่กางออกทั้งสองข้างของสมาชิกภายในบ้านทุกคน เรียกว่า วัดวา แล้วเด็ดออก ด้ายแต่ละเส้นจึงมีความยาวไม่เท่ากันแล้วแต่ว่าผู้วัดจะมีความยาวของแขนเท่าไร จากนั้น นำด้ายที่วัดวาแล้วมาวัดที่ศรีษะของผู้เป็นเจ้าของด้ายเส้นนั้น เมื่อวัดรอบศรีษะได้เท่าใดก็ให้เด็ดออก จากนั้นนำด้ายที่วัดรอบศีรษะที่เด็ดออกมามัดต่อเข้ากับด้ายเส้นเดิม การกระทำเช่นนี้เป็นความเชื่อของผู้เท่าผู้แก่ ถือว่าเป็นการต่ออายุให้กับตนเอง ด้ายฟั่นที่เหลือจากการวัดวาก็จะนำมาทำฟั่นให้เป็นรูปตีนกา มีจำนวนเท่ากับสมาชิกในครอบครัว หรือมากกว่านั้นก็ได้ตามแต่ศรัทธา ต่อจากนั้นจึงนำด้ายทุกเส้นและตีนกา มาแช่ในน้ำมะพร้าว การทำตีนกาเป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาว่า แสงไฟจากตีนกาจะเป็นการบูชาแม่กาเผือกของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ตามตำนวนเล่าว่า มีเณรน้อยผู้ชอบเที่ยวซุกซนองค์หนึ่ง มีนิสัยชอบล่าสัตว์ ยิงนก ตกปลาอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งได้ยิงไก่, วัว, เต่า และพญานาคตาย แต่ก่อนสัตว์เหล่านณ ริมฝั่งแม่น้ำ มีต้นไทรใหญ่อยู่ต้นหนึ่งเป็นที่อยู่ของกาเผือกสองผัวเมีย ซึ่งได้ออกไข่มา 5 ฟอง อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่กาเผือกสองผัวเมียออกไปหาอาหารได้เกิดท้องฟ้ามือครึ้ม มีลมพายุพัดอย่างแรง ทำให้ไข่กาเผือกทั้ง 5 ฟอง ลอยตกลงไปในแม่น้ำ แต่ไข่นั้นหาจมน้ำไม่ กลับลอยไปติดที่ชายหาดแห่งหนึ่งและไข่ทั้ง 5 ฟอง ก็แตกออกเป็นทารก 5 คน ทารกทั้ง 5 คนนั้น คือ เณรน้อย, ไก่, วัว, เต่า และพญานาค ที่กลับมาเกิดนั่นเอง ทารกทั้ง 5 คน ได้พากันอธิษฐานร่วมกันว่า ถ้าตนทั้ง 5 ได้เป็นพี่น้องร่วมท้องเดียวกันก็ขอได้มีโอกาสพบพ่อแม่ด้วยเถิด ฝ่ายกาเผือกสองผัวเมียเมื่อตายลงก็ไปเกิดเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ ได้เข้าฝันทารกทั้ง 5 ว่า "หากเจ้าทั้ง 5 คน อยากเห็นหน้าและระลึกถึงพ่อแม่ ก็จงฟั่นด้ายเป็นรูปตีนกา แล้วลอยแม่น้ำคงคาไป" ทารกทั้ง 5 จึงทำตาม และต่อมาทั้ง 5 คน ได้บำเพ็ญตนจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์เป็นพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

E-mail

ด.ช.อวิรุทธิ์ เดชกิจ gotzo_ratchiburiteme@hotmail.com
ด.ช.ปัญญาวุฒิ แสนภักดี cafe20102@hotmail.co.th
ด.ช.พุฒิพงศ์ จันทร์แม้น cafe20101@hotmail.co.th
ด.ช.ศรัณย์ พลัพลาชัย cafe20104@hotmail.co.th
ด.ช.ธนทัศน์ ใยดี cafe191@hotmail.co.th